Health

  • รู้ก่อนสาย เมื่อเป็นความดันโลหิตสูง ต้องดูแลตัวเองอย่างไร
    รู้ก่อนสาย เมื่อเป็นความดันโลหิตสูง ต้องดูแลตัวเองอย่างไร

    ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งบางคนที่เป็นความดันโลหิตสูงอยู่หลายปี อาจไม่มีอาการใดๆ จนเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น หัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง ในบางรายอาจมีอาการปวดหัว เลือดกำเดาไหล หายใจไม่ทัน ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีก็ต่อเมื่อมีความดันสูงมากจนอยู่ในเกณฑ์อันตรายและอาจเสียชีวิตได้

    บุคคลประเภทใดที่มักจะเป็นความดันโลหิตสูง
    1. ส่วนมากมักพบได้ในผู้สูงอายุโดยเฉพาะอายุตั้งแต่ 40-50 ปีขึ้นไป
    2. พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจำเดือนพบได้บ่อย
    3. พบมากในคนอ้วน แต่คนผอมก็พบบ้างเหมือนกัน
    4. อาจเนื่องจากกรรมพันธุ์ประมาณ 30-40 %
    5. ในบุคคลที่มีอารมณ์รุนแรง เคร่งเครียด ตื่นเต้น ตกใจง่าย ดีใจง่าย เสียใจง่าย อารมณ์ที่เปลี่ยน แปลงรวดเร็วอาจจะกระตุ้นให้ความดันโลหิตสูงขึ้นชั่วคราวในตอนแรก แล้วจะค่อยลดลงเอง แต่ถ้าเกิดบ่อยและนานเข้า ความดันโลหิตก็จะสูงอย่างถาวรซึ่งถ้าสูงมากก็เป็นอันตรายได้

    ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ เพื่อรักษาให้ความดันเลือดลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ ให้แพทย์ตรวจและให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัว การใช้ยา แต่ผู้ป่วยก็ต้องปฏิบัติตัวเพื่อช่วยให้ความดันโลหิตลดลงได้ง่ายขึ้น คือ

    1. การพักผ่อนต้องพักผ่อนทั้งทางร่างกายและจิตใจ พยายามควบคุมอารมณ์และจิตใจไม่ให้ตึงเครียด ขุ่นมัวและวู่วาม
    2. คนอ้วนต้องลดน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    3. ระวัง อย่าให้หกล้ม หรือศีรษะ กระทบกระแทก เพราะอาจจะทำให้หลอดเลือดในสมองแตก เป็นอัมพาตได้
    4. ไม่ควรวิตกกังวลหรือให้ความสำคัญกับระดับความดันโลหิตที่วัดไว้แต่ละครั้ง ความดันโลหิตในบุคคลเดียวกันเปลี่ยนแปลงได้เสมอตามภาวะแวดล้อมต่างๆ ในแต่ละวัน ควรให้แพทย์เป็นผู้ตัดสินว่า ระดับความดันโลหิตที่เปลี่ยนแปลง มีความสำคัญอย่างไรหรือไม่
    5. ต้องควบคุมอาหาร

    อาหารสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
    1. หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด เพราะเกลือทำให้ความตึงตัวของผนังหลอดโลหิตแดง เพิ่มขึ้น ทำให้ความ ดันเลือด Diastolic สูงขึ้น
    2. อาหารพวกเนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่วเมล็ด ซึ่งเป็นอาหารพวกโปรตีน ถ้าไตทำหน้าที่ได้ตามปกติก็ไม่ต้อง ลดลง แต่ถ้ามีอาการทางไตแทรกซ้อน ต้องลดโปรตีน
    3. อาหารไขมันอยู่ระดับกลาง ค่อนข้างต่ำ ควรหลีกเลี่ยงไขมันจากสัตว์และพวกกะทิ
    4. อาหารหวานจัด เช่น ขนมหวานทุกชนิดพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด เพราะจะทำให้น้ำหนักตัว และระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น
    5. เครื่องดื่มต่างๆ เช่น ชา กาแฟ ซึ่งมีสารคาฟอีนสูง กระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักขึ้น สูบฉีดโลหิตแรงขึ้น เป็นอันตรายสำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง
    6. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ จะทำให้หลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนของโลหิตเร็วและแรงขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักและแรงโลหิตจะพุ่งสูงขึ้นนับว่าเป็นอันตรายยิ่ง ควรงดเด็ดขาด และงดสูบบุหรี่

    3 ท่าออกกำลังกาย
    แนะนำสำหรับผู้ป่วยความดันสูง ปลอดภัย ออกทุกวัน ทำเป็นประจำช่วยลดความดันโลหิตสูง
    1. หายใจ เข้า-ออก ลึกและยาว 5-10 ครั้ง
    ก่อนเริ่มออกกำลังกายในท่าอื่น เผื่อไม่ให้เผลอกลั้นหายใจระหว่างออกกำลังกาย และยังช่วยพัฒนาเรื่องระบบไหลเวียนเลือด
    2. ท่าเดินย้ำเท้าอยู่กับที่ 20-30 นาที
    ช่วยระบบการไหลเวียนเลือด ให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย โดยไม่หนักและหักโหม ทำให้ผนังหลอดเลือดของคุณแข็งแรง
    คำเตือน: ไม่เผลอกลั้นหายใจในระหว่างเดินย้ำเท้า
    3. ท่าแกว่งแขน 500-1000 ครั้ง
    ท่าที่ดูธรรมดานี้ กลับเป็นท่าออกกำลังที่คุณจะได้ทั้งหลัง ไหล่ อก แกนลำตัว และเป็นท่าที่คุณสามารถปรับเปลี่ยน ไปตามสภาพร่างกายของคุณได้ ยิ่งแกว่งแขนไปข้างหลังและแรงมากเท่าไหร่ แกนลำตัวจะทำงานหนักมากขึ้น เสมือนคุณได้ออกกำลังกายหนัก ๆ แต่อยู่ในท่ายืนแกว่งแขนนี้เท่านั้น

     

    ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  tuttosulinux.com

Economy

  • บัตรคนจน 6 ปีใช้งบ 3.3 แสนล้าน ปี 66
    บัตรคนจน 6 ปีใช้งบ 3.3 แสนล้าน ปี 66

    บัตรคนจน 6 ปีใช้งบ 3.3 แสนล้าน ปี 66 รับสิทธิ 14.59 ล้านคน เช็กรายชื่อ 1 มี.ค.

    นายกฯ เผย ครม.อนุมัติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่แล้ว รวมบัตรคนจน 6 ปี ใช้งบ 333,229.6 ล้านบาท เริ่มเช็กรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ 14.59 ล้านคน มี.ค.ย้ำต้องไปยืนยันตัวตนด้วยตัวเอง และเริ่มใช้สิทธิ 1 เม.ย. เดือนละ 300 บาทต่อคน รวมค่าน้ำ–ค่าไฟอื่นๆ เพิ่มเบ็ดเสร็จ 1,545 บาทต่อคน

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมมีการพิจารณาหลายวาระสำคัญด้วยกัน รวมทั้งหมด 40 กว่าเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องต้องดูแลประชาชน และที่สำคัญวันนี้มีการพิจารณาอนุมัติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งหลายคนอนุมัติไปแล้ว หลายคนมีปัญหายังไม่ได้ โดยจะเริ่มใช้วันที่ 1 เม.ย.ยืนยันว่าจะดูแลประชาชนของเราให้ดีที่สุด แม้จะเป็นช่วงปลายรัฐบาล

    นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 หรือบัตรคนจน โดยได้มีการอนุมัติงบกลางเพิ่มเติม 9,140 ล้านบาทเพื่อให้เพียงพอกับจำนวนผู้รับสิทธิ 14.59 ล้านคน

    และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติรับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐในวันที่ 1 มี.ค.2566 ผู้ที่ลงทะเบียนบัตรคนจนไว้ สามารถตรวจสอบรายชื่อตนเองได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน หรือที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา

    “เมื่อตรวจสอบรายชื่อแล้วพบว่าเป็นผู้มีสิทธิรับสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องเดินทางไปยืนยันตัวตนด้วยตัวเองที่ 3 ธนาคารเท่านั้น คือ ธ.ก.ส., ออมสิน, กรุงไทย ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวไปด้วย เนื่องจากสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐจากนี้ไปจะใช้บัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น โดยจะเชื่อมข้อมูลไปยังบัญชีธนาคารใดก็ได้ที่ผูกกับระบบพร้อมเพย์ เพื่อโอนเงินให้ทุกเดือน”

     

    ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนสามารถทยอยยืนยันได้ โดยแบ่งเป็น 5 รอบ

    บัตรคนจน 6 ปีใช้งบ 3.3 แสนล้าน ปี 66 รับสิทธิ 14.59 ล้านคน เช็กรายชื่อ 1 มี.ค.
    ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th

    รอบที่ 1 วันที่ 1 มี.ค.- 26 มี.ค.66 จะได้เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 เม.ย.66, รอบที่ 2 ยืนยันตัวตน วันที่ 27 มี.ค.-26 เม.ย.66 เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 พ.ค.66, รอบ 3 ยืนยันตัวตนระหว่าง 27 เม.ย.-26 พ.ค.66 เริ่มใช้สิทธิ 1 มิ.ย.66, รอบที่ 4 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-26 มิ.ย.66

    เริ่มใช้สิทธิ 1 ก.ค.66 และรอบที่ 5 ยืนยันตัวตนตั้งแต่ 27 มิ.ย.66 เป็นต้นไป และเริ่มใช้สิทธิ 1 ส.ค.66 โดยผู้ที่ยืนยันรอบ 2-4 จะได้รับสิทธิย้อนหลังได้ไม่เกิน 3 เดือน นับจากเดือนแรกที่เริ่มใช้สิทธิได้ โดยสิทธิย้อนหลังจะให้เฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้าราคาประหยัด ส่วนผู้ที่ยืนยันตัวตนรอบที่ 5 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง

    นายอาคม กล่าวว่า สำหรับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่นี้ ทุกคนจะได้สิทธิเท่าเทียมกัน เริ่มจากเงินเดือนคนละ 300 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้า จากเดิมแบ่งตามรายได้ คือ ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับ 300 บาท

    แต่ถ้าเกิน 30,000-100,000 บาท ได้ 200 บาท ส่วนลดการซื้อก๊าซหุงต้มเดือนละ 80 บาทเป็นเวลา 3 เดือน จากเดิม 45 บาท และค่าใช้จ่ายการเดินทาง 750 บาท ใช้รถโดยสารสาธารณะ 8 ประเภท

    ส่วนค่าน้ำประปา 100 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน หากเกิน 100 บาท ผู้ใช้น้ำต้องจ่ายส่วนที่เกิน และค่าไฟฟ้า 315 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน หากใช้เกินกว่าที่กำหนดผู้ถือบัตรจะต้องจ่ายเอง โดยค่าน้ำและค่าไฟ กระทรวงการคลัง จะเป็นผู้ชำระให้เอง โดยจะเชื่อมข้อมูลไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน). การประปานครหลวง (กปน.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)

    ทำให้รวมสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบนี้จะได้เงินช่วยเหลือจากรัฐ 1,545 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้พิการที่ถือบัตรคนจนจะได้รับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) อีกคนละ 200 บาทต่อเดือน โดยผู้พิการต้องมายืนยันตัวตนพร้อมกับผูกบัญชีพร้อมเพย์เท่านั้น หากเป็นผู้พิการติดเตียง ต้องมีหนังสือยินยอมและมอบอำนาจ โดยมีพยานเป็นผู้ใหญ่บ้านและกำนันในพื้นที่นั้นๆ

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในปี 61 จนถึงการอนุมัติล่าสุดปี 66 รวม 6 ปี รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น 333,229.6 ล้านบาท แบ่งเป็น ปี 61 ใช้งบประมาณ 43,614.5 ล้านบาท ผู้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.2 ล้านคน ปี 62 งบประมาณ 93,155.4 ล้านบาท รับสิทธิ์ 14.6 ล้านคน ปี 63 งบประมาณ 47,843.5 ล้านบาทรับสิทธิ์ 13.9 ล้านคน ปี 64 งบประมาณ 48,216 ล้านบาท รับสิทธิ์ 13.5 ล้านคน ปี 65 งบประมาณ 34,986.4 ล้านบาท รับสิทธิ์ 13.2 ล้านคน ปี 66 งบประมาณ 65,413.80 ล้านบาท รับสิทธิ์ 14.59 ล้านคน.

    ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th

    สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : tuttosulinux.com